พลิกปูม 5 คดีพิศวาสฆาตกรรม คดี "หมอฆ่าคน"
ช่วงนี้ข่าวที่สร้างความครึกโครมในสังคมอย่างมาก คงหนีไม่พ้นคดีอาชญากรรมสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน กรณีการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาชาว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พ่อแม่แจ้งหายเอาไว้ ที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เมื่อปี พ.ศ. 2552 แต่จู่ ๆ วันที่ 16 ก.ย. 2555 มาพบรถปิกอัพของนายสามารถ กลับมาถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านร้าง ซอยกรุงเทพ-นนท์ 1 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์ รพ.ตำรวจ สุดท้ายนำไปสู่การสืบสวนขยายผล แล้วเข้าตรวจค้นภายในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กระทั่งพบอาวุธปืนนานาชนิดพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ที่สำคัญยังมีพยานช่วยชี้เบาะแสจนทำให้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ฝังอยู่ในไร่ดังกล่าวถึง 3 ศพ บางศพมีร่องรอยถูกยิงท้ายทอย!!
หลังจากนั้นศาลอนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์หรือรับของโจร และมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาต ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวจึงถูกส่งเข้าไปคุมขังในเรือนจำจังหวัดเพชรบุรี ขณะที่โครงกระดูกทั้งหมด ผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ระบุไม่ใช่สองผัวเมียที่สูญหายไปแต่อย่างใด ขณะนี้จึงเป็นปริศนาว่าแล้วโครงกระดูกทั้ง 3 ศพเป็นใคร ถูกนำมาฝังไว้ในไร่นี้ได้อย่างไร? แล้วสองผัวเมียที่สูญหายไปนั้นเป็นตายร้ายดีเช่นไร!
จากเหตุการณ์ข้างต้นทำให้นึกถึงคดีโด่งดังสะท้านประเทศในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้นเป็นบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับ “นายแพทย์” ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ละคดีนอกจากจะแยบยลมากกว่าคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญธรรมดา ๆทั่วไปแล้ว ยังค่อนข้างเหี้ยมเกรียม เรียกว่าบางคดีทำเอาสังคมถึงกับช็อก! เพราะไม่คิดว่าผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุจะเป็น นายแพทย์ ที่คนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือเพราะถือเป็นผู้มีคุณูปการต่อสังคม
หากไล่เรียงคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ที่ผู้คนในสังคมยังพอจดจำได้นั้น มีมากถึง 5 คดี และเกือบทั้งหมดแล้วแต่เป็นเรื่องพิศวาสฆาตกรรม หนำซ้ำหลายคดีถูกนำมาถ่ายทอดเป็นบทภาพยนตร์ไปเรียบร้อย วันนี้ “เปิดแฟ้มคดีเก่า” ขอย้อนเรื่องราวมานำเสนออีกครั้ง เริ่มจากคดีแรกที่โด่งดังอย่างมากในอดีต เมื่อ 53 ปีที่แล้ว ประมาณปี พ.ศ. 2502 นพ.อธิป สุญาณเศรษฐกร (รามเดชะ) นายแพทย์หนุ่ม โรงพยาบาลรถไฟ ที่ตัดสินใจวางแผนสังหารคู่รัก น.ส.นวลฉวี เพชรรุ่ง พยาบาลสาว ปมฆาตกรรมก็มาจากปัญหาเรื่องรักสามเส้าลงเอยด้วยความตาย หลังจากแพทย์หนุ่มพบรักกับพยาบาลสาว แต่สุดท้ายฝ่ายชายจะปันใจไปให้หญิงสาวคนใหม่ เมื่อนวลฉวี ทราบเรื่องจึงเกิดปัญหาระหองระแหงกันมาตลอดตั้งแต่ช่วงก.ค.-ส.ค. 2502 ถึงขั้นทำร้ายร่างกายจนต้องขึ้นโรงพัก กระทั่งวันที่ 12 ก.ย.2502 มีผู้พบศพนวลฉวีลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี สภาพศพถูกแทงเสียชีวิต นิ้วมีหลักฐานเป็นแหวนนามสกุล “รามเดชะ” ซึ่งช่วยไขปริศนาให้ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร จากนั้นตำรวจได้สืบสวนคลี่คลายคดีโดยเฉพาะจากข้อมูลที่นวลฉวีได้ระบายเรื่องทั้งหมดลงใน “สมุดบันทึก” ที่กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญช่วยจับกุมดำเนินคดีหมออธิป และพวก 4 คนที่ร่วมวางแผนสังหารเธอแล้วนำศพมาทิ้งสะพานนนทบุรี (ภายหลังชาวบ้านเรียกติดปากว่าสะพานนวลฉวี)
จากนั้นปี พ.ศ. 2536 คดีนายแพทย์จ้างวานฆ่าภรรยาเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก ครั้งนี้น่าสะเทือนใจตรงที่มีบุตรสาววัย 2 ขวบของผู้ตายนั่งร่ำไห้กอดศพผู้เป็นมารดาคือ น.ส.ศยามล ลาภก่อเกียรติ อดีตผู้ช่วยพยาบาล สภาพถูกฆ่ารัดคอและจ้วงแทง พร้อมอำพรางคดีว่าเป็นการฆ่าข่มขืนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี คดีนี้ตำรวจสืบสาวราวเรื่องอยู่นานสักพักใหญ่ ก็แกะรอยจับกลุ่มคนร้ายที่ลงมือสังหารเหยื่อได้ก่อนจะซัดทอดไปถึงจอมบงการ คือ นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ แพทย์ รพ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นอดีตสามีของผู้ตายนั่นเอง ส่วนปมสังหารก็มาจากฝ่ายชายไปพบรักใหม่และต้องการให้อดีตภรรยาย้ายออกไปจาก อ.หัวหิน จึงตัดสินใจวางแผนสังหารอย่างเลือดเย็น คดีนี้ศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิต แต่ต่อมาได้รับการอภัยโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตและได้รับอภัยโทษเรื่อยมากระทั่งเหลือจำคุก 40 ปี
สำหรับปี พ.ศ. 2541 แม้ผู้ต้องหาจะยังไม่ใช่นายแพทย์เต็มตัว แต่ก็กำลังศึกษาอยู่ในวงการแพทย์ คือคดีของ นายเสริม สาครราษฎร์ นศ.แพทย์ ก่อคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาว นศ.แพทย์ชั้นปี 5 สาเหตุกระทำการชั่ววูบลงไปนั้น เนื่องจากแค้นที่แฟนสาวพยายามบอกเลิกและตีตัวออกห่าง จึงวางแผนชวนมาติวหนังสือที่ห้องพักและพยายามปรับความเข้าใจกัน พอไม่สำเร็จจึงใช้ปืนยิงศีรษะจนเสียชีวิต จากนั้นลงมือชำแหละศพ แยกชิ้นส่วนทิ้งลงชักโครก ส่วนกะโหลกศีรษะนำไปทิ้งแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา หลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ต้องเค้นสอบอยู่นาน กระทั่งยอมรับสารภาพ ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามระหว่างถูกจองจำถือเป็นนักโทษชั้นดี ได้รับการพระราชทานอภัยโทษเรื่อยมา กระทั่งช่วงต้นปี พ.ศ. 2555 ก็ได้รับอิสรภาพในที่สุด
ถัดมาเพียง 4 ปี มาเกิดคดีนายแพทย์ฆ่าหั่นศพภรรยาอีกในปี พ.ศ. 2545 คราวนี้เป็นคดีนายแพทย์ค่อนข้างมีชื่อเสียง คือ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.จุฬาฯ ก่อคดีค่อนข้างเขย่าขวัญฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร ภรรยาตนเอง แพทย์รพ.รถไฟ เงื่อนงำทางคดีเกิดขึ้นจาก พญ.ผัสพร หายตัวไปปริศนา ตำรวจค่อย ๆ แกะรอยจนไปได้เบาะแสสำคัญจากภาพวงจรปิดในร้านอาหารญี่ปุ่น ย่านสยามสแควร์ จับภาพชัดเจนนพ.วิสุทธิ์ เดินประคองผู้เป็นภรรยาท่าทีเหม่อลอยออกไปจากร้าน คดีนี้ตำรวจทั้งระดมนักสืบมือดีรวมทั้งใช้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วยกันคลี่คลายคดี จนนำไปสู่การตรวจค้นห้องพักในอาคารวิทยนิเวศน์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นจุดที่พญ.ผัสพร ถูกฆ่าชำแหละชิ้นส่วนศพ แยกชิ้นส่วนอวัยวะใส่กระเป๋าเดินทางนำมาทิ้งใส่ชักโครกห้องน้ำในโรงแรมดังย่านลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ต้องดูดบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลของทั้ง 2 แห่ง เพื่อควานหาชิ้นส่วนศพไปตรวจหาดีเอ็นเอจนสำเร็จ
อย่างไรก็ดีตอนแรกตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณา แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของพญ.ผัสพร ต้องฟ้องร้องต่อศาลเอง ก่อนศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต แต่ในระหว่างต้องโทษทำประโยชน์ด้วยการช่วยดูแลผู้ป่วย โดยที่ผ่านมา น.พ.วิสุทธิ์ จำคุกมาแล้ว 10 ปี 7 เดือน 25 วัน ได้รับอภัยโทษมาแล้วหลายครั้ง เหลือโทษจำคุกอีก 3 ปี 1 เดือน 20 วัน ซึ่งเข้าข่ายได้รับการพักโทษเนื่องจากเหลือโทษอีกไม่ถึง 5 ปี ปัจจุบันถูกปล่อยตัวแล้ว
อย่างไรก็ดีตอนแรกตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณา แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของพญ.ผัสพร ต้องฟ้องร้องต่อศาลเอง ก่อนศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต แต่ในระหว่างต้องโทษทำประโยชน์ด้วยการช่วยดูแลผู้ป่วย โดยที่ผ่านมา น.พ.วิสุทธิ์ จำคุกมาแล้ว 10 ปี 7 เดือน 25 วัน ได้รับอภัยโทษมาแล้วหลายครั้ง เหลือโทษจำคุกอีก 3 ปี 1 เดือน 20 วัน ซึ่งเข้าข่ายได้รับการพักโทษเนื่องจากเหลือโทษอีกไม่ถึง 5 ปี ปัจจุบันถูกปล่อยตัวแล้ว
ปี พ.ศ. 2545 ยังเกิดคดีพิษรักสามเส้า “หมอฆ่าหมอ” เกิดขึ้นที่ จ.แพร่ ตอนแรกตำรวจ สภ.เด่นชัย ไปตรวจสอบอุบัติเหตุรถเก๋งถูกเพลิงไหม้มีคนเสียชีวิตติดอยู่ภายใน พบพิรุธไม่มีร่องรอยอุบัติเหตุแต่รถเกิดไฟไหม้ได้อย่างไร เมื่อเช็กผู้ครอบครองรถจากกรมขนส่ง จึงทราบว่าผู้ตายคือ พญ.พัทธนันท์ ไชยวงศ์ หรือ “หมอออม” อายุ 25 ปี แพทย์ฝึกหัดประจำรพ.ปง จ.พะเยา เคยฝึกงานอยู่ รพ.พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เบื้องต้นจึงได้เรียกกลุ่มเพื่อนสนิทมาสอบจนทราบว่าผู้ตายชอบพออยู่กับ นพ.ศรชาติ ศิริโชติ หรือ หมอแฮม ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเพิ่งเดินทางมาหาหมอแฮม ที่ จ.พิษณุโลก ตำรวจจึงเชิญมาสอบสวนอย่างละเอียดเมื่อตรวจในรถของหมอแฮม ยังไปพบดินลักษณะเดียวกันกับที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุ สุดท้ายหมอแฮมยอมเปิดปากสารภาพอ้างมีปากเสียงเรื่องรักสามเส้าจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ใช้มือบีบคอหมอออมจนเสียชีวิต ก่อนนำศพยัดกระโปรงรถแล้วเอาน้ำมันไปเผาอำพราง คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุก 35 ปี 4 เดือน ทั้งหมดนี้นับเป็นเรื่องราวฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผู้ต้องหาทั้งหมดจัดได้ว่าเป็นคนมีความรู้ระดับหัวกะทิในสังคม แต่ถึงจะเก่งกาจก็มิอาจหนีพ้นมือกฎหมาย และบ่วงกรรมที่ได้ทำเอาไว้!!.
คดีเหล่านี้สะเทือนขวัญประชาชนเป็นอย่างมาก จนมีการนำเอาไปสร้างภาพยนตร์ระทึกสยองขวัญที่อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดเหล่าขึ้นนี้ แต่แตกต่างกันตรงที่ หมอฆาตกรในภาพยนต์นั้นได้รับผลกรรมอย่างสาสมกับสิ่งที่ทำ แต่ในชีวิตความเป็นจริง "หมอฆาตกร" เหล่านี้กลับได้รับโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งหากจะตั้งคำถามไปยังกระบวนการยุติธรรม สิ่งที่อยากรู้คือ "การฆ่าคน" ทำไมถึงถูกตัดสินแตกต่างกันได้ขนาดนี้ เนื่องจากฆาตกรบางรายไม่มีสิทธิ์ที่จะรอดโทษประหารไปได้เลย หรือจะเป็นเพราะเค้าคือคนที่สังคมเรียกว่า "หมอ" จึงมีคุณค่ามากกว่าคนธรรมดา?
ที่มา www.dailynews.co.th